เพลงรักแท้แพ้ไม่รัก

ก้อเราคู่กันอ่ะ...


..ก้อเราคู่กานนิ...ค่ะ

วันเสาร์ที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2552

แกงขนุนใส่ซี่โครงหมู

แกงขนุนใส่ซี่โครงหมู

เครื่องปรุง
ซี่โครงหมูอ่อน ตัดเป็นชิ้น 1.5x1.5 นิ้ว 1/2 กิโลกรัม ขนุนอ่อน ตัดเป็นชิ้น 1x1 นิ้ว 1 กิโลกรัม ชะอม (เด็ดยอดอ่อน) 1/2 ถ้วย มะเขือเทศลูกเล็ก ผ่าซีก 1/2 ถ้วย ผักชีฝรั่งหั่นหยาบ 1/2 ถ้วย ใบชะพลู หั่นหยาบ 1/2 ถ้วย
เครื่องแกง พริกแห้ง 7 เม็ด หอมแดง 5 หัว กระเทียม 1 หัว กะปิ 1 ช้อนชา ปลาร้าสับ (ปลาช่อนไม่เอาก้าง) 1 ช้อนชา

วิธีทำ
1 โขลกเครื่องแกงให้ละเอียด
2 ขนุนอ่อนที่เตรียมไว้ ต้มให้สุก พักไว้
3 ต้มซี่โครงหมูจนนุ่ม ใส่พริกที่โขลกไว้ ใส่ขนุนที่ต้มไว้ คนให้ทั่ว
4 ใส่ชะอม มะเขือเทศ ชิมดูแล้วใส่ใบชะพลู แล้วยกลงไม่ต้องต้มให้สุกมาก

วันจันทร์ที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2552

อาหารเหนือ



ขนมจีนน้ำเงี้ยว
เครื่องปรุง
ซี่โครงหมูตัดเป็นชิ้น 1 นิ้ว (ต้มให้นุ่ม)
เลือดหมู หั่นเป็นลูกเต๋า 1 นิ้ว
มะเขือเทศลูกเล็ก ผ่าครึ่ง
เกลือ
น้ำมันพืช
น้ำซุป (น้ำต้มกระดูหมู)
1/2 กิโลกรัม
1/2 กิโลกรัม
1/2 กิโลกรัม
2 ช้อนโต๊ะ
2 ช้อนโต๊ะ
6 ถ้วย
เครื่องแกง
พริกแห้ง
รากผักชีหั่นฝอย
ข่าหั่นละเอียด
ตะไคร้ซอย
กะปิ
หอมแดง
กระเทียม
7 เม็ด
1 ช้อนชา
1 ช้อนชา
2 ช้อนชา
2 ช้อนชา
7 หัว
3 หัว
วิธีทำ
1 โขลกเครื่องแกงให้ละเอียด นำลงผัดในน้ำมันให้หอม ใส่หมูสับ ผัดจนเข้ากัน
2 เทลงหม้อน้ำต้มกระดูกหมู ใส่ซี่โครงหมู แล้วใส่เลือดหมู มะเขือเทศ
3 ปรุงรสด้วยเกลือ พอเดือดอีกครั้ง ยกลง เสร็จขั้นตอนทำน้ำเงี้ยว
4 จัดขนมจีนใส่จานพร้อมเครื่องเคียง ราดด้วยน้ำเงี้ยวที่ทำไว้
ที่มา : หนังสือ "แม่-ครัว ชูศรี บุลยเลิศ" พิมพ์จำหน่ายเพื่อสมทบทุน "กองทุนเพื่อเด็กออทิสติก" คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. ๒๕๕๐

พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. ๒๕๕๐
ขณะนี้พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.๒๕๕๐ ผ่านการเห็นชอบจากสภานิติบัญญัติ การลงพระปรมาภิไธย และการประกาศลงในราชกิจจานุเบกษาแล้ว เมื่อ ๑๘ มิถุนายน พ.ศ.๒๕๕๐ และจะมีผลใช้บังคับตั้งแต่ ๑๙ กรกฎาคม พ.ศ.๒๕๕๐ เป็นต้นไป
พระราชบัญญัตินี้ จะมีผลกระทบกับผู้ใช้คอมพิวเตอร์ อินเทอร์เน็ต โดยทั่วไป เพราะหากท่านทำให้เกิดการกระทำความผิดทางคอมพิวเตอร์ (ไม่ว่าจะบังเอิญหรือตั้งใจ) ก็อาจจะมีผลกับท่าน และที่สำคัญ คือผู้ให้บริการ ซึ่งรวมไปถึงหน่วยงานต่างๆที่เปิดบริการอินเทอร์เน็ตให้แก่ผู้อื่นหรือ กลุ่มพนักงาน/นักศึกษาในองค์กร ท่านมีหน้าที่หลายอย่าง ในฐานะ "ผู้ให้บริการ" ท่านควรทราบใน สิ่งที่ต้องเตรียมตัวเมื่อ พ.ร.บ.การกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ใช้บังคับ
แหล่งข้อมูลเพิ่มเติม: http://www.etcommission.go.th/
ความเป็นมาของการพัฒนากฎหมายเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารในประเทศไทย
เพื่อให้ประเทศมีโครงสร้างพื้นฐานทางกฎหมายรองรับสังคมสารสนเทศ ซึ่งถือว่าเป็นปัจจัยสำคัญของการดำรงอยู่ของสังคมในศตวรรษที่ ๒๑ ใน พ.ศ. ๒๕๔๐ คณะรัฐมนตรีได้เห็นชอบให้มีการพัฒนากฎหมายเทคโนโลยีสารสนเทศขึ้น 6 ฉบับ โดย ๓ ฉบับแรก เป็นกฎหมายที่ส่งเสริมการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารในเชิง สร้างสรรค์ อันเอื้อต่อการทำธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์หรือพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ หรือการทำธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ภาครัฐ ส่วนกฎหมายในลำดับที่ ๔ และลำดับ ๕ เป็นกฎหมายที่จะใช้เป็นมาตรการในการคุ้มครองหรือปกป้องสังคมจากการประยุกต์ ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารในเชิงไม่สร้างสรรค์ และฉบับสุดท้ายเป็นกฎหมายฉบับที่จะสร้างกลไกเพื่อลดความเหลื่อมล้ำของสังคม สารสนเทศ โดยกฎหมายดังกล่าวปรากฏตามรายการ ดังต่อไปนี้
• กฎหมายว่าด้วยธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อรองรับผลทางกฎหมายของข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์และลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ มีผลใช้บังคับเมื่อวันที่ ๓ เมษายน ๒๕๔๕ และมีการตั้ง คณะกรรมการธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ขึ้นเพื่อดำเนินการต่างๆต่างพระราชบัญญัตินี้(อ่าน ตัวพรบ.นี้ พระราชบัญญัติว่าด้วยธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. ๒๕๔๔)
• กฎหมายลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ เพื่อรองรับผลทางกฎหมายของลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ ไม่ได้มีการจัดทำแยกเป็นอีกหนึ่งฉบับ เพราะได้มีการรวมหลักการไว้กับกฎหมายว่าด้วยธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งมีผลใช้บังคับแล้วเมื่อวันที่ ๓ เมษายน ๒๕๔๕
• กฎหมายการโอนเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ ได้มีการจัดทำขึ้นเพื่อรองรับการโอนเงินและการชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ เดิมจะพัฒนาเป็นกฎหมายลำดับพระราชบัญญัติ แต่หลังจากที่มีการดำเนินงานของคณะกรรมการธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์แล้ว คณะกรรมการฯได้จัดทำเป็นกฎหมายลำดับรองภายใต้มาตรา ๓๒ ของกฎหมายธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์แทน เรียกว่าร่างพระราชกฤษฎีกากำกับดูแลธุรกิจบริการเกี่ยวกับการชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. .... เพื่อให้คล่องตัวและเร็วขึ้นกว่าการทำเป็นพระราชบัญญัติ ขณะนี้คณะรัฐมนตรีได้รับหลักการและมอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาต่อไป
• กฎหมายว่าด้วยอาชญากรรมทางคอมพิวเตอร์ ร่างกฎหมายฉบับนี้ได้จัดทำขึ้นเพื่อกำหนดฐานความผิดและบทลงโทษสำหรับการกระ ทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ และกำหนดอำนาจหน้าที่ของพนักงานเจ้าหน้าที่ เมื่อผ่านการรับหลักการของคณะรัฐมนตรี และเข้าสู่การพิจารณาโดยคณะกรรมการกฤษฎีกา (นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธาน)แล้ว ได้เปลี่ยนชื่อเป็น ร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. .... เนื่องจากคณะกรรมการเห็นว่า การกระทำบางลักษณะไม่น่าจะเป็น “อาชญากรรม Crime)”) ร่างกฎหมายนี้ เข้าสู่การพิจารณาของสภานิติบัญญัติแห่งชาติไปเมื่อวันที่ ๑๕ พ.ย. ๒๕๔๙ ขณะนี้ อยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมาธิการวิสามัญ พิจารณาร่าง พรบ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. .... สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (อ่านตัวร่าง พ.ร.บ. นี้ ร่าง พรบ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ ฉบับที่ผ่าน สคก.แล้ว)
• ร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. .... ได้จัดทำขึ้นเพื่อคุ้มครองสิทธิขั้นพื้นฐานในความเป็นส่วนตัว โดยมุ่งคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ที่อาจมีการละเมิดและสามารถนำไปใช้ในทางมิชอบได้โดยง่าย (ในการทำธุรกรรมทางออนไลน์หรือการใช้อินเทอร์เน็ต) ทั้งนี้ กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารได้ให้ความเห็นชอบให้สนง.ปลัดนายก รัฐมนตรี (โดยสนง.ข้อมูลข่าวสารของราชการ) ทำหน้าที่รวมร่างกฎหมายฉบับดังกล่าวเข้ากับร่างกฎหมายที่จัดทำโดยสขร. โดยยังคงยืนยันให้มีการจัดตั้งสำนักงานที่จะดูแลการคุ้มครองข้อมูลส่วน บุคคลอยู่ภายใต้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร

วันจันทร์ที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2552

รับน้องเอกบัญชีค่ะ

RESUME








ชื่อ : นางสาว สุดาพร ธรรมดิษฐ์
SUDAPORN THAMMADIT
ชื่อเล่น: หมวย
วันเกิด : 7 เดือน มิถุนายน พ.ศ. 2532
7 JUNE 1989
ที่อยู่ : 35 หมู่ 1บ้านนาข่า ตำบลนาข่า อำเภอวาปีปทุม
จังหวัดมหาสารคาม 44120
การศึกษา :
ระดับประถมศึกษา :โรงเรียนบ้านนาข่า
ระดับมัธยมศึกษาตอน :โรงเรียนนาข่าวิทยาคม
ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย : โรงเรียนนาข่าวิทยาคม
ระดับปริญญาตรี : มหาวิทยาลัยมหาสารคาม
รหัสประจำตัว 51010918516
คณะการบัญชีและการจัดการ สาขาการบัญชี
ชั้นปีที่ 2
คติพจน์ : ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั่น
ความใฝ่ฝันในอนาคต : นักตรวจสอบบัญชี
เว็ปไซต์ : mb_muai@hotmail.com
muainarukjung@gmail.com

วันจันทร์ที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2552

คณะการบัญชีและการจัดการ

ประวัติ คณะการบัญชีและการจัดการ
คณะการบัญชีและการจัดการ เป็นหน่วยงานหนึ่งของมหาวิทยาลัยมหาสารคาม ซึ่งจัดตั้งขึ้นภายใต้ ระเบียบมหาวิทยาลัยมหาสารคาม ว่าด้วยคณะการบัญชีและการจัดการ ตั้งแต่วันที่ 19 กรกฎาคม 2541 มีลักษณะของการดำเนินงานและรูปแบบของการบริหารงานแบบนอกระบบราชการเน้นความคล่องตัว มีประสิทธิภาพ และพึ่งตนเองมากที่สุดในการจัดการศึกษา โดยมีสภามหาวิทยาลัยมหาสารคามทำหน้าที่กำกับดูแลและควบคุม
คณะการบัญชีและการจัดการเริ่มต้นจากภาควิชาบริหารธุรกิจ คณะมนุษย์ศาสตร์และสังคมศาสตร์ ใน ปีการศึกษา 2538 ได้เปิดสอนหลักสูตรบริหารธุรกิจ (ต่อเนื่อง 2 ปี) สาขาวิชาการบัญชี และสาขาวิชาการตลาดขึ้น เพื่อรองรับการเติบโตทางเศรษฐกิจ (จากเดิมที่เปิดสอนเฉพาะวิชาโทบริหารธุรกิจ) โดยจัดสอนในวันเสาร์-อาทิตย์ โดยเป็นโครงการพิเศษ ในปีการศึกษา 2540 ได้เปิดหลักสูตรบริหารธุรกิจบัณฑิต (ต่อเนื่อง 2 ปี) สาขาวิชาการจัดการ และสาขาวิชาคอมพิวเตอร์ธุรกิจ และหลักสูตรบริหารธุรกิจมหาบัณฑิตขึ้น พร้อมทั้งปรับปรุงหลักสูตรบริหารธุรกิจบัณฑิต (ต่อเนื่อง 2 ปี) สาขาวิชาการบัญชีและสาขาวิชาการตลาดด้วย
ในปีการศึกษา 2546 คณะฯ ได้เปิดสอนหลักสูตรบัญชีบัณฑิต และหลักสูตรบริหารธุรกิจบัณฑิต (4 ปี) สาขาวิชาการตลาด สาขาวิชาการจัดการ และสาขาวิชาคอมพิวเตอร์ธุรกิจ และหลักสูตรบัญชีมหาบัณฑิตขึ้น
ในปีการศึกษา 2547 คณะฯ ได้เปิดสอนหลักสูตรบริหารธุรกิจบัณฑิต (4 ปี) สาขาวิชาธุรกิจระหว่าง ประเทศ (หลักสูตรนานาชาติ) ขึ้นอีกหลักสูตรหนึ่ง พร้อมทั้งมีการปรับปรุง หลักสูตรต่อเนื่อง 2 ปี และหลักสูตรบริหารธุรกิจมหาบัณฑิตให้มีความทันสมัย และสอดคล้องกับสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจและเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงไป
ในปีการศึกษา 2548 คณะฯ ได้เปิดหลักสูตรบริหารธุรกิจบัณฑิต (4 ปี) สาขาวิชาการจัดการทรัพยากร มนุษย์ สาขาวิชาการจัดการการประกอบการ สาขาวิชาการบริหารการเงิน สาขาวิชาการจัดการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ และสาขาวิชาเทคโนโลยีสารสนเทศธุรกิจ และหลักสูตรเศรษฐศาสตร์บัณฑิต (ศ.บ.) สาขาวิชาเศรษฐศาสตร์ธุรกิจ
นอกจากนี้คณะฯ ยังได้เปิดหลักสูตรบริหารธุรกิจมหาบัณฑิต (M.B.A.) สาขาวิชาธุรกิจระหว่างประเทศ (หลักสูตรนานาชาติ) และเศรษฐศาสตรมหาบัณฑิต (ศ.ม.) สาขาวิชาเศรษฐศาสตร์ธุรกิจ และระดับปริญญาเอกหลักสูตรปรัชญาดุษฎีบัณฑิต (ปร.ด.) สาขาวิชาการบัญชีและสาขาวิชาการจัดการ ขึ้นอีกด้วย
จากวันนั้น ถึงวันนี้คณะการบัญชีและการจัดการได้พัฒนาความก้าวหน้าทั้งทางด้านวิชาการและการ บริหารงานมาโดยตลอด เกือบ 10 ปี ที่ก้าวเดินบนเส้นทางการผลิตบัณฑิต และมหาบัณฑิต สาขาวิชาการบัญชีและสาขาวิชาบริหารธุรกิจ ทำให้ปัจจุบัน คณะฯ ได้ผลิตบัณฑิตเพื่อตอบสนองความต้องการของตลาดออกไปรับใช้สังคมในเขตภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และระดับประเทศจำนวนมาก ซึ่งบัณฑิตและมหาบัณฑิตของคณะฯ เป็นผู้มีความรู้ความเข้าใจในวิชาชีพการบัญชีและบริหารธุรกิจเป็นอย่างดี มีคุณธรรม จริยธรรมที่โดดเด่น และสามารถประยุกต์ความรู้ให้เกิดประโยชน์ต่อตนเอง และช่วยเหลือ สนับสนุน และเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาสังคม และประเทศชาติทั้งทางตรงและทางอ้อม คณะฯ ได้มีการพัฒนาบุคลากรให้มีความรู้ความสามารถและความเข้าใจในวิทยาการด้านบริหารธุรกิจและด้านอื่นที่เกี่ยวข้อง
นอกจากนี้ คณะฯ ยังได้ให้บริการวิชาการแก่ชุมชน ผู้ประกอบการ และหน่วยงานต่างๆ ในเขตภาคตะวัน ออกเฉียงเหนือ โดยจัดตั้งศูนย์บริการวิชาการ 3 ศูนย์คือ
1.ศูนย์ที่ปรึกษาการประกอบการ (Center for Entrepreneurship and Business Management) มีภาระหน้าที่ให้คำปรึกษาการจัดตั้งและการประกอบการ รวมถึงการบริหารงานของธุรกิจขนาดเล็ก ขนาดย่อม และขนาดกลาง การจัดองค์กร การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ และการวิจัยตลาด ตลอดจนการให้บริการฝึกอบรมแก่บุคคลทั่วไป และหน่วยงานต่างๆ ในเรื่องที่เกี่ยวกับการจัดการธุรกิจ
2.ศูนย์พัฒนาการบัญชี (Center for Accounting Development) มีภาระหน้าที่ให้ความช่วยเหลือในเรื่องที่เกี่ยวกับการบัญชีและภาษีอากรโดยเฉพาะ ได้แก่ การให้คำปรึกษาเกี่ยวกับการบัญชี การวางระบบบัญชี และการภาษีอากร และการให้บริการฝึกอบรมแก่บุคลทั่วไปและหน่วยงานต่างๆ ในเรื่องที่เกี่ยวกับการบัญชี และ การภาษีอากร ตลอดจนการให้บริการเป็นหน่วยตรวจสอบบัญชีของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า
3.ศูนย์ที่ปรึกษาและพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศ
การให้คำปรึกษาเกี่ยวกับการพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ ได้แก่ การบริหารระบบคอมพิวเตอร์ การเรียนรู้และการประยุกต์ใช้ซอฟต์แวร์ธุรกิจ และการพัฒนาการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศธุรกิจ รวมถึงการให้บริการฝึกอบรมแก่บุคคลทั่วไปและหน่วยงานต่างๆในประเด็นและหัวข้อทาง ด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ คอมพิวเตอร์ และการใช้ซอฟต์แวร์ทางด้านธุรกิจ

สามารถ download ได้ที่นี้

วันจันทร์ที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

แผนที่จังหวัดมหาสารคาม


ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น

วิธีป้องกันและควบคุมไข้หวัด 2009




ปัจจุบันการแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ ชนิดเอ (เอช1 เอ็น1) กำลังขยายตัวไปทั่วโลก และขณะนี้ประเทศไทยพบการระบาดภายในประเทศแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งสถานศึกษา และสถานประกอบการ ซึ่งอาจแพร่ระบาดอย่างรวดเร็ว ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่นี้มีอาการคล้ายกันกับไข้หวัดหรือไข้หวัดใหญ่ธรรมดา ส่วนใหญ่มีอาการน้อยและหายได้โดยไม่ต้องรับการรักษาที่โรงพยาบาล

สำหรับผู้ป่วยจำนวนไม่มากในต่างประเทศที่เสียชีวิต มักเป็นผู้ที่มีโรคประจำตัวเรื้อรัง เช่น โรคปอด หอบหืด โรคหัวใจและหลอดเลือด เบาหวาน เป็นต้น ผู้มีภูมิต้านทานต่ำ โรคอ้วน ผู้สูงอายุมากกว่า 65 ปี เด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี และหญิงมีครรภ์

สำหรับวิธีการติดต่อและวิธีการป้องกันโรค จะคล้ายกับไข้หวัดใหญ่ธรรมดา กระทรวงสาธารณสุข จึงขอให้คำแนะนำในการป้องกันและควบคุมโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ ชนิดเอ (เอช1 เอ็น1) ดังต่อไปนี้

คำแนะนำสำหรับประชาชนทั่วไป

1. ล้างมือบ่อยๆ ด้วยน้ำและสบู่ หรือใช้แอลกอฮอล์เจลทำความสะอาดมือ

2. ไม่ใช้แก้วน้ำ หลอดดูดน้ำ ช้อนอาหาร ผ้าเช็ดมือ ผ้าเช็ดหน้า ผ้าเช็ดตัว ร่วมกับผู้อื่น

3. ไม่ควรคลุกคลีใกล้ชิดกับผู้ป่วยที่มีอาการไข้หวัด

4. รักษาสุขภาพให้แข็งแรง ด้วยการกินอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการ ดื่มน้ำมากๆ นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ และออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ

5. ควรหลีกเลี่ยงการอยู่ในสถานที่ที่มีผู้คนแออัดและอากาศถ่ายเทไม่ดีเป็นเวลานาน โดยไม่จำเป็น

6. ติดตามคำแนะนำอื่นๆ ของกระทรวงสาธารณสุขอย่างใกล้ชิด

คำแนะนำสำหรับผู้ป่วยไข้หวัดหรือไข้หวัดใหญ่

1. หากมีอาการป่วยไม่รุนแรง เช่น ไข้ไม่สูง ไม่ซึม และรับประทานอาหารได้ สามารถรักษาตามอาการด้วยตนเองที่บ้านได้ ไม่จำเป็นต้องไปโรงพยาบาล ควรใช้พาราเซตามอลเพื่อลดไข้ (ห้ามใช้ยาแอสไพริน) นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ และดื่มน้ำมากๆ

2. ควรหยุดเรียน หยุดงาน จนกว่าจะหายเป็นปกติ และหลีกเลี่ยงการคลุกคลีใกล้ชิด หรือใช้สิ่งของร่วมกับผู้อื่น

3. สวมหน้ากากอนามัยเมื่อจำเป็นต้องอยู่กับผู้อื่น หรือใช้กระดาษทิชชู ผ้าเช็ดหน้า ปิดปากและจมูกทุกครั้งที่ไอ จาม

4. ล้างมือบ่อยๆ ด้วยน้ำและสบู่ หรือใช้แอลกอฮอล์เจลทำความสะอาดมือ โดยเฉพาะหลังการไอ จาม

5. หากมีอาการรุนแรง เช่น หายใจลำบาก หอบเหนื่อย อาเจียนมาก ซึม ควรรีบไปพบแพทย์

คำแนะนำสำหรับสถานศึกษา

1. แนะนำให้นักเรียนที่มีอาการป่วยคล้ายไข้หวัดใหญ่ พักรักษาตัวที่บ้านหรือหอพัก หากมีอาการป่วยรุนแรง ควรรีบไปพบแพทย์

2. ตรวจสอบจำนวนนักเรียนที่ขาดเรียนในแต่ละวัน หากพบขาดเรียนผิดปกติ หรือตั้งแต่ 3 คนขึ้นไปในห้องเรียนเดียวกัน และสงสัยว่าป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่ ให้แจ้งต่อเจ้าหน้าที่สาธารณสุขในพื้นที่ เพื่อสอบสวนและควบคุมโรค

3. แนะนำให้นักเรียนที่เดินทางกลับจากต่างประเทศ เฝ้าสังเกตอาการของตนเองเป็นเวลา 7 วัน ถ้ามีอาการป่วยให้หยุดพักรักษาตัวที่บ้าน

4. หากสถานศึกษาสามารถให้นักเรียนที่มีอาการป่วยคล้ายไข้หวัดใหญ่ทุกคนหยุดเรียนได้ ก็จะป้องกันการแพร่กระจายเชื้อได้ดี และไม่จำเป็นต้องปิดสถานศึกษา แต่หากจะพิจารณาปิดสถานศึกษา ควรหารือร่วมกันระหว่างสถานศึกษากับเจ้าหน้าที่สาธารณสุขในพื้นที่

5. ควรทำความสะอาดอุปกรณ์ สิ่งของ เครื่องใช้ที่มีผู้สัมผัสจำนวนมาก เช่น โต๊ะเรียน ลูกบิดประตู โทรศัพท์ ราวบันได คอมพิวเตอร์ ฯลฯ โดยการใช้น้ำผงซักฟอกเช็ดทำความสะอาดอย่างน้อยวันละ 1 - 2 ครั้ง จัดให้มีอ่างล้างมือ น้ำและสบู่อย่างเพียงพอ ในบางวันควรเปิดประตูหน้าต่างให้อากาศถ่ายเทได้สะดวก และแสงแดดส่องได้ทั่วถึง

คำแนะนำสำหรับสถานประกอบการและสถานที่ทำงาน

1. แนะนำให้พนักงานที่มีอาการป่วยคล้ายไข้หวัดใหญ่ พักรักษาตัวที่บ้าน หากมีอาการป่วยรุนแรง ควรรีบไปพบแพทย์

2. ตรวจสอบจำนวนพนักงานที่ขาดงานในแต่ละวัน หากพบขาดงานผิดปกติ หรือตั้งแต่ 3 คนขึ้นไปในแผนกเดียวกัน และสงสัยว่าป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่ ให้แจ้งต่อเจ้าหน้าที่สาธารณสุขในพื้นที่ เพื่อสอบสวนและควบคุมโรค

3. แนะนำให้พนักงานที่เดินทางกลับจากต่างประเทศ เฝ้าสังเกตอาการของตนเองเป็นเวลา 7 วัน ถ้ามีอาการป่วยให้หยุดพักรักษาตัวที่บ้าน

4. ในสถานการณ์ปัจจุบัน ยังไม่แนะนำให้ปิดสถานประกอบการหรือสถานที่ทำงาน เพื่อการป้องกันการระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่

5. ควรทำความสะอาดอุปกรณ์ สิ่งของ เครื่องใช้ ที่มีผู้สัมผัสจำนวนมาก เช่น โต๊ะทำงาน ลูกบิดประตู โทรศัพท์ ราวบันได คอมพิวเตอร์ ฯลฯ โดยการใช้น้ำผงซักฟอกทั่วไปเช็ดทำความสะอาดอย่างน้อยวันละ 1 - 2 ครั้ง จัดให้มีอ่างล้างมือ น้ำและสบู่อย่างเพียงพอ ในบางวันควรเปิดประตู หน้าต่างให้อากาศถ่ายเทได้สะดวก และแสงแดดส่องได้ทั่วถึง

6. ควรจัดทำแผนการประคองกิจการในสถานประกอบการและสถานที่ทำงาน เพื่อให้สามารถดำเนินกิจการต่อไปได้อย่างต่อเนื่อง หากเกิดการระบาดใหญ่ (ดูรายละเอียดในเว็บไซต์ของสำนักโรคติดต่ออุบัติใหม่ กรมควบคุมโรค http://beid.ddc.moph.go.th)

แหล่งข้อมูลการติดต่อ เพื่อปรึกษากับเจ้าหน้าที่สาธารณสุขในพื้นที่

1. กรุงเทพมหานคร ติดต่อได้ที่ กองควบคุมโรค สำนักอนามัย กรุงเทพมหานคร โทรศัพท์ 0-2245-8106 , 0-2246-0358 และ 0-2354-1836

2. ต่างจังหวัด ติดต่อได้ที่ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทุกแห่ง

ติดตามข้อมูลและรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เว็บไซต์กระทรวงสาธารณสุข www.moph.go.th และหากมีข้อสงสัย สามารถติดต่อได้ที่ ศูนย์ปฏิบัติการ กรมควบคุมโรค หมายเลขโทรศัพท์ 0-2590-3333 และศูนย์บริการข้อมูลฮอตไลน์ กระทรวงสาธารณสุข หมายเลขโทรศัพท์ 0-2590-1994 ตลอด 24 ชั่วโมง

วันจันทร์ที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2552

ปฏิทิน

แนะนำตัวเอง

นางสาว สุดาพร ธรรมดิษฐ์

TIME

น้องหนู

มะน้อย


ฝันDDDD..อ่ะป่าวจ๊ะ
free counters

ผู้ติดตาม

เกี่ยวกับฉัน